นี่คือความท้าทายแห่งศิลปะของการรังสรรค์อุปกรณ์ Smart Device จากแท่งสแตนเลส!
FiiO M11 PRO รุ่นสเตนเลสสตีลเป็นผลิตภัณฑ์รุ่น limited edition หรือจำกัดจำนวน รุ่นแรกของ FiiO ที่เปิดตัวสำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่มีความหมายเป็นพิเศษต่อเรา ทางเราจึงตัดสินใจผลิต M11 PRO Stainless-Steel Edition ขึ้นมาเพื่อแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์รวมทั้งเพื่อความเป็นพิเศษในผลิตภัณท์รุ่นหายากและมีจำนวนจำกัดขึ้นมา
เราคาดว่าทุกท่านคงเฝ้ารอการเปิดตัว FiiO M11 รุ่นพิเศษนี้ ในขณะที่ทางทีมได้พยายามพัฒนาผลิตภัณท์นี้ให้มีความพิเศษเหนือชั้นกว่าปรกติ ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่า FiiO M11 PRO Stainless-Steel Edition ก็แค่เปลี่ยน Body ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าเดิม ทำไมต้องจ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อซื้อมัน! เราจึงอยากพาท่านไปชมเบื้องหลังการผลิต FiiO M11 PRO Stainless-Steel Edition ทุกขั้นตอนกันครับ
1. บอดี้ของ M11 PRO Stainless-Steel Edition นั้นทำจากสแตนเลสสตีลเบอร์ 316 ซึ่งเป็นสแตนเลสเกรดที่สูงกว่าที่ใช้โดยทั่วไป มีความต้านทานการกัดกร่อนที่สูงขึ้น แข็งกว่าโลหะผสมอลูมิเนียมที่ใช้กับ M11 PRO รุ่นมาตรฐานถึง 6 เท่า ดังนั้นเนื่องจากความแข็งของวัสดุบวกกับกระบวนการผลิตที่พิเศษของ M11 PRO Stainless-Steel Edition นั้นเปรียบเหมือนการสร้างแม่พิมพ์ที่แข็งแกร่งขึ้นมาสักอันเลยทีเดียว.
ก้อน 316 Stainless-Steel
ก้อน 316 Stainless-Steel แต่ละก้อนมีน้ำหนักราว 1.382 kg.
2. ในขั้นตอนการผลิตโครงบอดี้นั้นจำเป็นต้องผ่านกรรมวิธีตัดเฉือนด้วยไฟฟ้า(หรือ EDM)ก่อน จึงเข้าสู่กระบวนกัดให้เป็นรูปทรงตามต้องการด้วยระบบ CNC ซึ่งหากวัสดุเป็นอลูมิเนียมอัลลอยก็จะสามารถผ่านกระบวนการนี้ได้ตามปกติ แต่สำหรับวัสดุอย่างสแตนเลสสตีล เบอร์ 316นั้นมีความแข็งกว่ามาก ทางเราจึงต้องสั่งทำเครื่องสำหรับตัดที่ทำจากทังสเตนมาเป็นพิเศษ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เครื่องตัดอาจจะเสียหายได้เพราะความแข็งแกร่งของสแตนเลสสตีล 316 อีกทั้งการตัดขึ้นรูปสแตนเลสสตีล 316 นั้นใช้เวลาในการทำมากกว่าอลูมิเนียมอัลลอยถึง 4 เท่า จึงทำให้ต้นทุนการผลิต FiiO M11 PRO Stainless-Steel Edition นั้นเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นมาตรฐานเดิม.
หลังขั้นตอน CNC, โครงบอดี้มีน้ำหนักราว 277g.
สภาพพื้นผิวที่มีรอยขรุขระหลังขั้นตอน CNC
3. ความท้าทายที่แท้จริงนั้นเกิดขึ้นหลังผ่านขั้นตอนการกัดด้วยเครื่อง CNC เนื่องจากความแข็งแกร่งของวัสดุ จึงทำให้เกิดรอยเฉือนมากมายบนชิ้นงาน ทำให้ต้องผ่านกระบวนการขัดเพื่อลบรอยดังกล่าว ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องทำด้วยความระมัดระวังและต้องการความปราณีตสูง เนื่องจากบางส่วนของชิ้นงานมีความเล็ก บาง มีรายละเอียดและมีพื้นผิวที่เอียง(เช่นด้านซ้ายของตัวชิ้นงาน)การขัดด้วยเครื่องมือนั้นอาจจะทำให้รายละเอียดบางอย่างของชิ้นงานเกิดความเสียหายได้เนื่องจากความแกร่งของวัสดุนั่นเอง ขั้นตอนการขัดนี้จึงต้องขัดด้วยมือเท่านั้นเนื่องจากต้องทำอย่างแม่นยำและละเอียดอ่อน
หลังผ่านกระบวนการขัดด้วยมือ
หลังจากขัดด้วยมือแล้วมีน้ำหนักราว 182g.
4. หลังจากผ่านขั้นตอนการขัดซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนสำคัญของกระบวนการผลิตโครงบอดี้ของ M11 PRO Stainless-Steel Edition นั้นดูเหมือนมันจะเป็นขั้นตอนธรรมดาทั่วไป แต่แท้จริงแล้วหากสังเกตบริเวณพื้นผิวด้านซ้ายของโครงบอดี้ให้ดีๆ จะเห็นลายปัดแปรง (Brushed Finishing) ซึ่งเป็นความพยายามในการรังสรรค์เพื่อให้ได้ผิวซาตินแบบทิศทางเดียวทั่วทุกพื้นผิว ซึ่งกระบวนการนี้ใช้ความปราณีติพิถีพิถันและความแม่นยำสูงเนื่องจากพื้นผิวมีความลาดเอียง จึงมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดความเสียหายต่อพื้นผิวได้ สำหรับการผลิต DAP พกพาออกสู่ตลาดมาหลายปี ทางเราได้ท้าทายตัวเองด้วยการออกแบบ M11 PRO Stainless-Steel Edition ให้มีขนาดที่เล็กบาง ในขั้นตอนการผลิตจึงต้องใช้งานฝีมือและความแม่นยำขั้นสูง จึงทำให้สามารถผลิตโครงบอดี้ได้ราว 5 ชิ้นต่อวันเท่านั้น มันจึงไม่เกินความจริงที่ว่า M11 PROStainless-Steel Edition เป็นผลิตภัณฑ์ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราที่ใช้เครื่องจักรที่มีความแม่นยำและงานฝีมือชั้นเยี่ยม และถึงแม้ว่าเทคโนโลยีมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา แต่มีเพียงงานฝีมือเท่านั้นที่จะคงอยู่ตลอดไป.
ภาพโครงบอดี้หลังการขัดแต่งอย่างละเอียด
ภายหลังการขัดปัดเงา มีน้ำหนักราว 150g.
5. โดยทั่วไปการแกะสลักตัวอักษร“ PRO” บนตัวเครื่องอลูมิเนียมอัลลอยด์จะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีด้วยพลังของเครื่องแกะสลักเลเซอร์ที่ตั้งไว้ที่ 20 วัตต์ แต่สำหรับบนสแตนเลส316นั้น การแกะสลักแบบเดียวกันนั้นกลับใช้เวลาเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าและต้องเพิ่มพลังในการกัดของเครื่องแกะสลักเลเซอร์ที่ 60 วัตต์
หลังการเจาะ/สลักลาย มีน้ำหนักราว 132g.
6. เพื่อรักษาพื้นผิวดั้งเดิมของสแตนเลสไว้ เราจึงได้ดำเนินการเคลือบพื้นผิวด้วยกรรมวิธี Physical Vapor Deposition (PVD) ที่โปร่งใส ซึ่งไม่เพียงแต่รักษาพื้นผิวดั้งเดิม แต่ยังให้ชั้นของการป้องกันหลังจากกระบวนการแกะสลัก อีกทั้งยังรวมถึงเพิ่มชั้นการเคลือบด้วยวิธี leophobic อีกทีเพื่อเพิ่มความทนทานต่อฝุ่นและป้องกันการเกิดรอยนิ้วมืออีกด้วย
หลังจากผ่านขั้นตอนการเคลือบทุกอย่าง มีน้ำหนักราว 130g.
ภาพเปรียบเทียบจากแท่งเหล็กจนเป็นโครงบอดี้ที่เสร็จแล้ว
M11 PRO Stainless-Steel Edition ถือว่าเป็นความท้าทายในการเดินทางไปสู่ความก้าวหน้าของการผลิตอุปกรณ์ Smart Device โดยเราขอแจ้งว่าจะทำการจำหน่ายเพียง 1,500 ตัวเท่านั้น เนื่องจากในขั้นตอนการผลิตโครงบอดี้สแตนเลส316 จากจำนวน 2,500 ชิ้นนั้น มีความบกพร่องของตัวชิ้นงานถึง 1,000 ชิ้น ข้อบกพร่องนี้ทำให้เห็นถึงความพยายาม ความมุ่งมั่น และแสดงถึงจิตวิญญาณองค์กรของเราที่ต้องเผชิญและเอาชนะความยากลำบากในการสร้างสรรค์ผลงานพิเศษชิ้นนี้ และในขณะที่เราเตรียมการสำหรับการเปิดตัว M11 PRO Stainless-Steel Edition มันจึงมันเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะแบ่งปันเรื่องราวของเราที่อยู่เบื้องหลังการผลิต DAP รุ่น Limited-Edition นี้
แปลบทความจาก @FiiOAUDIO