ในปัจจุบันการใช้งานบลูทูธเป็นที่นิยมอยู่ 2 แบบ คือ Bluetooth Classic และ Bluetooth Low Energy (LE) ซึ่งแน่นอน Bluetooth LE ใช้พลังงานน้อยกว่า Bluetooth Classic เกือบ 100เท่า Bluetooth LE จึงเป็นที่นิยมใช้ในอุปกรณ์ IoT ต่างๆ เช่น fitness trackers (พวกนาฬิกา Smart Watch ทั้งหลาย) เป็นต้น แต่ในทางกลับกัน Bluetooth Classic ที่กินพลังงานมากกว่านั้น สามารถใช้ในงานสตรีมมิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Bluetooth LE ไม่สามารถทำได้ดีเท่า

ทาง Bluetooth SIG (Bluetooth Special Interest Group) ได้พัฒนา Bluetooth Low Energy มากว่า 20 ปี จนได้นวัตกรรมใหม่ชื่อว่า Bluetooth LE Audio โดยใช้เทคโนโลยีอัลกอริทึมการบีบอัดแบบใหม่ที่เรียกว่า LC3 (Low Complexity Communication Codec) ซึ่งจะรักษาคุณภาพเสียงในระดับสูงเหมือนกับ Bluetooth Classic แต่สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า Bluetooth Classic ถึง 2 เท่า
นอกจากนั้น Bluetooth LE Audio ยังมีคุณสมบัติเด่นอื่นๆอีก เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
เป็น Multi-Stream Audio และ Audio Sharing
Bluetooth LE Audio ช่วยให้สามารถส่งข้อมูลเสียงที่หลากหลายและมีการซิงโครไนซ์ระหว่างอุปกรณ์แหล่งกำเนิดเสียงเช่นสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ด้านเสียงได้หลายอุปกรณ์ จึงสามารถใช้งานได้หลายอุปกรณ์จากต้นกำเนิดเสียงแค่ตัวเดียว
เป็นเครื่องช่วยฟังแบบบลูทูธ
ด้วยความสามารถในการใช้พลังงานต่ำคุณภาพสูงและความสามารถ multi-stream LE Audio จึงรองรับเครื่องช่วยฟังเสียงสำหรับผู้ที่บกพร่องทางการได้ยิน